
Rise Buddy ชวนคุณมาร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ “Meet & Greet กับนนกุล”
22 เมษายน 2025
Wide Faith Group เปิดโรงงานต้อนรับนักศึกษาจาก Tunghai University และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพื่อเรียนรู้กระบวนการผลิตจริง สู่การพัฒนาวิชาชีพในอนาคต
9 กรกฎาคม 2025Wide Faith Group ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายขนมอบจากข้าวไทย 100% ได้ลงทุน 800 ล้านบาท เพื่อก่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA จังหวัดชลบุรี โดยการขยายตัวในครั้งนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 18,568 ตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 40,168 ตันต่อปีเมื่อโรงงานอีกสองแห่งที่เหลือสร้างเสร็จสมบูรณ์
บริษัทมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมและทันสมัย ด้วยกระบวนการ “อบ ไม่ทอด” ปราศจากไขมันทรานส์ เพื่อตอบสนองต่อกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลกที่ใส่ใจในสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น โรงงานแห่งใหม่นี้จะรองรับการผลิตสินค้าขนมข้าวในรูปแบบ Original Design Manufacturer (ODM) กว่า 70 รสชาติ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนบริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีละ 20% เมื่อเทียบกับปี 2024 ขณะที่มูลค่าตลาดขนมข้าวแบบบรรจุหีบห่อทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 4.94%
Mr. Oliver Yeh, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Wide Faith Group กล่าวว่า บริษัทเชี่ยวชาญด้านการผลิตขนมข้าวอบกรอบจากข้าวไทย 100% โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2002 โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารมากกว่า 30 ปี ภายใต้แนวคิด “Better for You” มากว่า 23 ปี โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมอบที่ไม่มีการทอด และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล โรงงานแห่งแรกก่อตั้งขึ้นในปี 2002 บนพื้นที่ 8 ไร่ ตามด้วยโรงงานที่สองในปี 2014 บนพื้นที่ 13 ไร่ ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ รวมการลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ต่อมาในปี 2015 บริษัทได้ลงทุนเพิ่มอีก 800 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต โดยย้ายเครื่องจักรจากโรงงานแรกไปยังนิคมอุตสาหกรรมเหมราช จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ 34 ไร่ เพื่อปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องจักร อุปกรณ์ และนวัตกรรมการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต Wide Faith Group ได้ตัดสินใจยุติการดำเนินงานโรงงานแห่งแรกที่สมุทรปราการ และเร่งการติดตั้งสายการผลิตใหม่ที่โรงงานจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น เมื่อการปรับปรุงแล้วเสร็จในปี 2025 บริษัทจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 18,568 ตันต่อปี จากสายการผลิต 6 สายใน 2 โรงงาน เป็น 40,168 ตันต่อปี จากการขยายเพิ่มอีก 2 โรงงานในจังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาอีกด้วย

โรงงานของบริษัทยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารระดับ AA จาก BRCGS ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 และ ฮาลาล อีกทั้งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทยังผ่านการทดสอบว่า ปราศจากกลูเตน (Gluten Free) ด้วย บริษัทส่งเสริมการรีไซเคิลพลาสติกผ่านการใช้บรรจุภัณฑ์แบบ Mono Material โดยเปลี่ยนมาใช้ พลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะในอนาคต ความริเริ่มนี้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทในการส่งเสริมการรีไซเคิล และช่วยลดภาวะโลกร้อน ตามแนวทางของ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) พร้อมทั้งส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค
Mr. Oliver Yeh, กล่าวเพิ่มเติมว่า กระบวนการผลิตของบริษัทยังให้ความสำคัญกับ การประหยัดพลังงาน ลดของเสียในสายการผลิต และสนับสนุนการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น โดยใช้ “ข้าวไทย 100%” เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งช่วยสนับสนุนเกษตรกรไทยและเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทย ด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ขนมข้าวที่ทันสมัยและมีนวัตกรรม ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก แต่ยังส่งเสริมสุขภาพผู้บริโภคและสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน ในขณะนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มการจัดซื้อข้าวจากเดิม 10,000 ตันต่อปี เป็น 20,000 ตันต่อปี หลังจากสายการผลิตใหม่เปิดดำเนินการเต็มรูปแบบ
Wide Faith Group ยังได้รับรางวัล “CSR-DIW CONTINUOUS AWARD 2023” จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กอ.) ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานของกรมโรงงานฯ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทถูกพัฒนาให้ อร่อยและดีต่อสุขภาพ โดยใช้วิธีการอบแทนการทอด ไม่มีไขมันทรานส์ ปราศจากกลูเตน และไม่ใส่ผงชูรส พร้อมได้รับการรับรองฮาลาล เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ บริษัทมีแบรนด์สินค้า เช่น
- Rise Buddy
- Ravin
- Bio-Earth
- Kiddie Kare
รวมถึงให้บริการในรูปแบบ ODM (Original Design Manufacturer) สำหรับการออกแบบและผลิตขนมข้าวอบจากข้าวไทยมากกว่า 70 รสชาติ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลก สินค้าของบริษัทมีวางจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐฯ (ฝั่งตะวันตก), บราซิล, ยุโรปเหนือ, ฝรั่งเศส, เบลเยียม, แอฟริกาใต้, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์ โดยมีแผนขยายตลาดไปยัง แคนาดา รัสเซีย และแอฟริกา ในอนาคต
ในงานแสดงสินค้า THAIFEX – Anuga Asia 2025 บริษัทได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากพันธมิตรต่างประเทศ โดยเฉพาะนวัตกรรม Rice Chippies และ Rice Sticks ที่เป็นที่สนใจอย่างมาก
Mr. Oliver Yeh, ยังกล่าวเสริมว่า ตลาดขนมขบเคี้ยวทั่วโลก คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 341.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2024–2029 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 6.08% โดยในปี 2024 การบริโภคขนมขบเคี้ยวต่อคนทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 5.2 กิโลกรัมต่อคน สำหรับ ตลาดขนมข้าวทั่วโลก คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 โดยภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก (APAC) คิดเป็นสัดส่วน 84% ของตลาด และคาดว่าเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.94% จนถึงปี 2030 ปัจจุบัน สินค้าขนมอบจากข้าวไทยของ Wide Faith Group มีมูลค่าส่งออกทั่วโลกกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดหลักคือ ออสเตรเลีย ซึ่ง Wide Faith Group ครองส่วนแบ่งตลาดขนมข้าวถึง 36% หรือราว 15 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดรวม 41.6 ล้านดอลลาร์ นิวซีแลนด์ ครองส่วนแบ่งตลาด 45% หรือราว 5 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดรวม 11.11 ล้านดอลลาร์

ในประเทศไทย ตลาดขนมขบเคี้ยวมีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาด ขนมจากข้าว มีมูลค่าสูงกว่า 2,000 ล้านบาท ด้วยศักยภาพดังกล่าว บริษัทจึงมุ่งเน้นการทำตลาดแบรนด์ Rise Buddy ในประเทศไทยอย่างจริงจัง ในช่วงปลายปี 2024 บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเป็นทางการภายใต้แบรนด์ “Rise Buddy Rice Chippies” พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์คือ “น้องกุล – ชานน สันตินธรกุล” ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ สินค้ามีทั้งหมด 6 รสชาติ ได้แก่ ศรีราชา (Sriracha), พริก & มะนาว (Chili & Lime), บาร์บีคิว (BBQ), ซาวครีม & หัวหอม (Sour Cream & Onion), ซีซอลต์ (Sea Salt), ชีส (Cheese) บรรจุในซองขนาด 50 กรัม จำหน่ายในราคา 29 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ Tops Supermarket, Tops Food Hall, Foodland, Gourmet Market (The Mall), Turtle Shop ที่สถานี BTS รวมถึงช่องทางออนไลน์ ได้แก่ Lazada, Shopee, TikTok Shop และผ่านกิจกรรมโรดโชว์ “Yummy Truck” ส่งความกรอบอร่อยทั่วประเทศ
ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ในการพัฒนาขนมข้าวของ Wide Faith ตั้งแต่วันแรก บริษัทจึงเลือกเดินในเส้นทางที่แตกต่างจากผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ โดยพัฒนากระบวนการผลิตและเทคโนโลยีเฉพาะของตนเอง เพื่อเปลี่ยนขนมข้าวแบบดั้งเดิม เช่น ข้าวแต๋น/เซมเบ้/อะราเระ ให้กลายเป็นขนมข้าวสไตล์ “Wide Faith Type” ที่มีจุดเด่นคือ “บางกว่า กรอบกว่า และรสชาติติดปากนานกว่า” ขั้นต่อไปคือการผลักดันนวัตกรรม ขนมข้าวอบในรูปแบบใหม่ (Chippies) เพื่อตอบโจทย์การทดแทนมันฝรั่งทอด (Potato Chips)
อย่างไรก็ตาม Mr. Oliver Yeh, กล่าวปิดท้ายว่า ก้าวแห่งนวัตกรรมนี้จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ในอีก 5–10 ปีข้างหน้า Wide Faith เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเทรนด์ขนมข้าวระดับโลก และทำให้ผู้บริโภค “ขยับปาก” ได้อย่างเพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์ขนมของ Wide Faith ตลอดไป